Preview ฟุตบอลโลก 2018 กลุ่ม F

 เยอรมัน

• FIFA World Rankings : 1
• เข้าร่วมฟุตบอลโลก : 18 ครั้ง – 1934, 1938, 1954, 1958, 1962, 1966, 1970, 1974, 1978, 1982, 1986, 1990, 1994, 1998, 2002, 2006, 2010, 2014
• ผลงานดีที่สุด : ชนะเลิศ – 1954, 1974, 1990, 2014
• กัปตันทีม : มานูเอล นอยเออร์ (บาเยิร์น มิวนิค)
• ดาวเด่น : โทนี ครูส (เรอัล มาดริด)

พลพรรคอินทรีเหล็กมีโอกาสที่จะเป็นทีมที่ 3 ที่ป้องกันแชมป์เวิลด์คัพได้ต่อจากอิตาลี ที่ทำไว้ในปี 1938 และบราซิล ในปี 1962 แม้ทีมชุดนี้จะยังคงลุ้นเช็คความฟิตของกัปตันทีมคนเก่งอย่าง “มานูเอล นอยเออร์” ที่เจ็บยาว แต่ขุนพลของเทรนเนอร์สมองเพชรอย่าง “โยอาคิม เลิฟ” ก็ยังไร้ปัญหาในการเรียกตัวผู้เล่นมาติดทีมชุดนี้ ยังคงมีนักเตะตัวหลักหลายคนที่เอาชนะอาร์เจนตินา คว้าแชมป์โลกได้ที่บราซิลเมื่อ 4 ปีที่แล้ว ไม่ว่าจะเป็น เฌอโรม บัวเต็ง, โธมัส มุลเลอร์, ซามี เคดิรา รวมถึงกองกลางมันสมองอย่าง โทนี ครูส และในทีมชุดลุยบอลโลกแดนหมีขาวนี้ยังมีนักเตะพลังหนุ่มหลากความสามารถเข้ามาเพิ่มอีกหลายคน อาทิ โจชัว คิมมิช, ลีออน กอเร็ตซ์ก้า, จูเลียน บรันด์ท และทิโม แวร์เนอร์ และทีมพลังหนุ่มที่ถือเป็นทีมสำรองชุดนี้ ยังเคยพาเยอรมันคว้าแชมป์คอนเฟดเดอเรชั่นส์ คัพ ที่รัสเซีย เมื่อปี 2017 มาแล้ว และยิ่งก้าวมาเติมเต็มกับแข้งชุดหลักก็ยิ่งทำให้เยอรมันแข็งแกร่งไม่น้อยทีเดียว แต่การแข่งขันนี้ยังมีอาถรรพ์ ที่ตามสถิติแล้ว แชมป์คอนเฟดเดอเรชั่นส์ คัพ จะไม่สามารถคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกได้ ก็ต้องมารอดูกันว่าอินทรีเหล็กชุดนี้จะป้องกันแชมป์และลบอาถรรพ์นี้ลงได้หรือไม่

• โปรแกรมแข่งขันรอบแบ่งกลุ่ม
  • 17 มิ.ย. พบ เม็กซิโก
  • 23 มิ.ย. พบ สวีเดน
  • 27 มิ.ย. พบ เกาหลีใต้

---

 เม็กซิโก

• FIFA World Rankings : 15
• เข้าร่วมฟุตบอลโลก : 15 ครั้ง – 1930, 1950, 1954, 1958, 1962, 1966, 1970, 1978, 1986, 1994, 1998, 2002, 2006, 2010, 2014
• ผลงานดีที่สุด : รอบ 8 ทีมสุดท้าย – 1970, 1986
• กัปตันทีม : ราฟาเอล มาร์เกวซ (แอตลาส)
• ดาวเด่น : เออร์วิง โลซาโน (พีเอสวี ไฮนด์โฮเฟ่น)

ทัพจังโก้ทะลุเข้ามาเล่นในฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายเป็นครั้งที่ 7 ติดต่อกันนับตั้งแต่ปี 1994 จากความสำเร็จที่แชมป์กลุ่มรอบคัดเลือก โซนคอนคาเคฟ และมีสถิติสวยหรูจากผลชนะ 6 เสมอ 3 และแพ้เพียง 1 นัดเท่านั้น โดยขุนกำลังทีมชุดนี้ ยังมี “ถั่วน้อย” ฮาเวียร์ เฮอร์นานเดซ หรือที่รู้จักกันในนาม “ชิชาร์ริโต้” ยังคงเป็นตัวหลักในทีมชุดนี้ และพร้อมจะได้รับการหนุนจากสองแนวรุกอย่าง “คาร์ลอส เวลา” ที่เล่นอยู่ในเมเจอร์ลีก สหรัฐอเมริกา และ “เออร์วิง โลซาโน” ที่พาพีเอสวี ไฮนด์โฮเฟ่น ต้นสังกัด คว้าแชมป์เอเรดิวิซี่ในฤดูกาลนี้ แม้คู่แข่งในกลุ่มจะมีเยอรมันที่แข็งแกร่งและอาจลุ้นมีคะแนนค่อนข้างยาก แต่เม็กซิโกก็มีโอกาสไม่น้อยที่จะลุ้นคว้าชัยเหนือ 2 ทีมร่วมกลุ่มอย่างสวีเดนและเกาหลีใต้ อย่างไรก็ดีในตอนนี้ ดูเหมือนว่าทีมจะมีปัญหาในแนวรับ เมื่อต้องเช็คอาการเจ็บของกองหลังตัวเก่งอย่าง “คาร์ลอส ซัลเซโด” ที่ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม ด้วยการพาต้นสังกัด “ไอน์ทรัค แฟรงค์เฟิร์ต” พลิกล็อกล้มยักษ์ใหญ่อย่าง “บาเยิร์น มิวนิค” คว้าแชมป์บอลถ้วยเดเอฟเบ โพคาล ได้แบบเหลือเชื่อ สิ่งนี้อาจทำให้พวกเขาอาจเจอปัญหาในเรื่องของเกมรับ และอาจจะผิดหวังอีกครั้งก็เป็นได้

• โปรแกรมแข่งขันรอบแบ่งกลุ่ม
  • 17 มิ.ย. พบ เยอรมัน
  • 23 มิ.ย. พบ เกาหลีใต้
  • 27 มิ.ย. พบ สวีเดน

---

 สวีเดน

• FIFA World Rankings : 23
• เข้าร่วมฟุตบอลโลก : 11 ครั้ง – 1934, 1938, 1950, 1958, 1970, 1974, 1978, 1990, 1994, 2002, 2006
• ผลงานดีที่สุด : รองชนะเลิศ – 1958
• กัปตันทีม: อันเดรียส แกรนควิสต์ (คูบาน คราสโนดาร์)
• ดาวเด่น: เอมิล ฟอร์สเบิร์ก (อาร์เบ ไลป์ซิก)

แม้ทีมไวกิ้งจะไม่มีมหาเทพอย่าง “ซลาตัน อิบราฮิโมวิช” ที่ประกาศเลิกเล่นให้ทีมชาติหลังจบศึกยูโร 2016 ไปแล้ว แต่ชาติจากสแกนดิเนเวียทีมนี้ก็สามารถทะลุมาถึงรอบสุดท้ายที่รัสเซียได้ ด้วยการเขี่ยทีมชาติอิตาลี แชมป์โลก 4 สมัย ร่วงตกรอบเพลย์ออฟ ไม่ได้ไปฟุตบอลโลกในรอบ 60 ปี แบบช็อคแฟนบอลทั่วโลก จากฝีมือของกุนซือคนเก่งนาม “แยนน์ แอนเดอร์สสัน” สำหรับสวีเดนชุดนนี้มี “มาร์คัส เบิร์ก” กองหน้าตัวเก่งที่ยิงไป 8 ประตูในรอบคัดเลือก ในขณะที่สตาร์คนเก่งจากไลป์ซิกอย่าง “เอมิล ฟอร์สเบิร์ก” ก็ก้าวขึ้นมาเป็นขุมกำลังหลักให้ทีมไปแล้ว ทั้งนี้ ด้วยการที่ทัพสวีดิชมีจุดเด่นเรื่องระเบียบวินัย เล่นกันเป็นทีม พวกเขาพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าไม่มีทีมใดที่จะประมาทได้เลย

• โปรแกรมแข่งขันรอบแบ่งกลุ่ม
  • 18 มิ.ย. พบ เกาหลีใต้
  • 23 มิ.ย. พบ เยอรมัน
  • 27 มิ.ย. พบ เม็กซิโก

---

 เกาหลีใต้

• FIFA World Rankings : 61
• เข้าร่วมฟุตบอลโลก : 9 ครั้ง – 1954, 1986, 1990, 1994, 1998, 2002, 2006, 2010, 2014
• ผลงานดีที่สุด : อันดับที่ 4 – 2002
• กัปตันทีม: กี ซุง-ยอง (สวอนซี ซิตี้)
• ดาวเด่น: ซอง เฮือง-มิน (ท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ส)

“โสมขาว” กลับมาพิสูจน์ตัวเองนอกเหนือไปจากการแข่งกับทีมร่วมทวีปในเวทีเวิลด์คัพได้อีกครั้ง หลังเคยมีผลงานเด่นถึงขั้นคว้าอันดับ 4 เมื่อครั้งที่ตนเองเป็นเจ้าภาพร่วมเมื่อปี 2002 และแม้หนนี้ทีมจะผ่านเข้ามาเล่นรอบสุดท้ายได้ แต่ก็เป็นการเข้ามาแบบลุ้นเหนื่อยถึงนัดสุดท้าย หลังจากบุกไปเสมอกับ “ทีมชาติอุซเบกิสถาน” 0-0 เก็บ 1 คะแนน คว้าอันดับ 2 ในกลุ่ม A ในศึกฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบที่ 3 แถมยังขาดความต่อเนื่องเมื่อ “อูลี สตีลิเก้” กุนซือชาวเยอรมันถูกปลดออกจากตำแหน่งทันทีหลังคุมทีมบุกพ่ายกาตาร์ 2-3 ในเกมนัดที่ 8 ทำให้หมดโอกาสคว้าแชมป์กลุ่ม A ก่อนจะแต่งตั้งมาเป็น “ชิน แต-ยอง” ที่เป็นโค้ชชุด U20 มาคุมทีมในชุดใหญ่แทน และทีมชุดนี้ยังคงมี 2 สตาร์ดังอย่าง “ซอง ฮึง-มิน” กองหน้าที่ทำผลงานกับ “ท็อตแนม ฮอตสเปอร์” ต้นสังกัดในศึกพรีเมียร์ลีก ที่โชว์ฟอร์มได้อย่างร้อนแรง และ “กี ซุง-ยอง” กองกลางของสวอนซีนำทัพเช่นเคย แน่นอนว่าการผ่านมาเเล่นในฟุตบอลโลกติดต่อกันเป็นสมัยที่ 6 พลพรรคโสมขาว ก็ยังคงหวังที่จะทำผลงานให้ดีโดยอาศัยการเข้าทำและจบสกอร์ที่ไว้ใจได้ในสองเกมแรก ก่อนจะไปวัดดวงกับเยอรมันในนัดสุดท้ายของรอบแบ่งกลุ่ม

• โปรแกรมแข่งขันรอบแบ่งกลุ่ม
  • 18 มิ.ย. พบ สวีเดน
  • 23 มิ.ย. พบ เม็กซิโก
  • 27 มิ.ย. พบ เยอรมัน

---

ฟันธงทีมที่เข้ารอบ 16 ทีมสุดท้าย : เยอรมัน , เม็กซิโก